วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2552

คู่มือการใช้งานโปรแกรม SHOW ME
แนะนำโปรแกรม
โปรแกรม show me เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำงานเกี่ยวกับสไลด์โชว์ สามารถช่วยในการทำสไลด์โชว์ โดยสามารถเพิ่มรูปภาพ หรือเสียง ซึ่งสามารถใส่ลูกเล่นต่าง ๆ ตามที่เราต้องการได้ และยังสามารถทำสไลด์โชว์เป็น สกรีนเซิร์ฟเวอร์ VCD , DVD ,Windows Media File (ASF file) and web gallery และยังสามารถนำไปอัพขึ้นเว็บไซต์ได้
ระบบที่รองรับโปรแกรม show me CPU PentiumIII 500M PC or higher แรม 128MB หรือมากกว่านี้ และ Windows 95, Windows 98, Windows 2000, Windows NT 4.0, และ Windows ME

เริ่มต้นใช้งานโปรแกรม

หน้าต่างของโปรแกรม Showme
รายละเอียดของหน้าต่างโปรแกรม
1. เป็นส่วนของเมนูต่าง ๆ
- New เป็นการเพิ่มไฟล์รูปภาพ
- Open เป็นการเปิดไฟล์ที่มีอยู่เดิม
- Save เป็นการบันทึกไฟล์
- Option เป็นการตั้งค่าการ Export ไปยังทีวี
2. เป็นส่วนของการแสดงผลการทำงาน
3. เป็นส่วนของเมนูต่าง ๆ
- Add Music เป็นการเพิ่มไฟล์เสียง
- Edit เป็นการใส่ Effect ให้กับรูปภาพ
- Export เป็นส่วนของการ Export file
4. เป็นส่วนของการแสดงไฟล์ที่เรียกมาใช้
5. เป็นส่วนของเมนูต่าง ๆ
- Add Photo เป็นการเพิ่มไฟล์รูปภาพ
- Add Blank เป็นการเพิ่มกระดาษ
- Set Color เป็นการเปลี่ยนสีพื้นหลัง
- Set Blackground Image เป็นการใส่ภาพพื้นหลัง
- Rotate เป็นการหมุนภาพ
- Filp เป็นการเปลี่ยนภาพเป็นตรงกันข้าม
- Crop เป็นการตัดภาพ
- Delete Photo เป็นการลบภาพ
- Delete Shape Effect เป็นการลบ Effect
- Attach Audio เป็นการเพิ่มไฟล์เสียง
6. เป็นส่วนของปุ่มควบคุมต่าง ๆ
7. เป็นส่วนของการแสดงภาพ

ลิงค์ภายในกลุ่ม

ส่วนที่ 1 การติดตั้งโปรแกรม
ส่วนที่ 2 แนะนำโปรแกรม
ส่วนที่ 3 การสร้างชิ้นงานใหม่
http://birdzaaa.blogspot.com/
ส่วนที่ 4 การใส่ Effect

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การศึกษากับสื่อมัลติมีเดีย

คอมพิวเตอร์ช่วยสอน(Computer Assisted Instruction-CAI) เป็นสื่อการเรียนการสอนที่นำเทคโนโลยีมารวมกับการออกแบบโปรแกรมช่วยสอน มีลักษณะการทำงานในรูปแบบของสื่อประสม(Multimedia) สามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ มีการประเมินผลเพื่อสนองตอบกับผู้เรียนอย่างรวดเร็ว
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีลักษณะสำคัญ 4 ประการ
-Information ต้องมีเนื้อหาสาระสำคัญ
-Individualize ต้องตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
-Interactive ต้องมีการโต้ตอบระหว่างผู้ใช้กับบทเรียนได้
-Immediate Feedback ต้องให้ผลย้อนกลับโดยทันที
ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
4.1.1เพื่อการศึกษา(Tutorial Instruction)
4.1.2การฝึกหัด (Dill and Practice)
4.1.3สถานการณ์จำลอง (Stimulation)
4.1.4เกมการสอน (Instructional Games)
4.1.5เพื่อการสอบ (Test)
4.1.6การค้นพบ (Discovery)
4.1.7การแก้ปัญหา (Problem-Solving)

การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอนมีองค์ประกอบที่สำคัญก็คือสื่อมัลติมีเดีนนั่นเอง สื่อมัลติมีเดียเพื่อการเรียนการสอนช่วยส่งเสริมการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนให้คุ้มค่ามากขึ้น ด้วยเหตุผลดังนี้
- เทคโนโลยีด้านสื่อมัลติมีเดียช่วยให้การออกแบบบทเรียนตอบสนองต่อแนวคิด และทฤษฎีการเรียนรู้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งผลโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน การวิจัยที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของสื่อมัลติมีเดียว่าสามารถช่วยเสริมการเรียนรู้ ทำให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นได้
- สื่อมัลติมีเดียในรูปแบบของซีดีรอม ใช้ง่าย เก็บรักษาง่าย พกพาได้สะดวก และสามารถทำสำเนาได้ง่าย
- สื่อมัลติมีเดียเป็นสื่อการสอนที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง ตามศักยภาพ ความต้องการ และความสะดวกของตนเอง
- ในปัจจุบันมีโปรแกรมช่วยสร้างบทเรียน (Authoring tool) ที่ง่ายต่อการใช้งาน ทำให้บุคคลที่สนใจทั่วไปสามารถสร้างบทเรียนสื่อมัลติมีเดียใช้เองได้
- ผู้สอนสามารถใช้สื่อมัลติมีเดียเพื่อสอนเนื้อหาใหม่ เพื่อการฝึกฝน เพื่อเสนอสถานการณ์จำลอง และเพื่อสอนการคิดแก้ปัญหา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้เป็นประการสำคัญ รูปแบบต่างๆ ดังกล่าวนี้จะส่งผลดีต่อการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ และรูปแบบการคิดหาคำตอบ
- สื่อมัลติมีเดียช่วยสนับสนุนให้มีสถานที่เรียนไม่จำกัดอยู่เพียงห้องเรียนเท่านั้น ผู้เรียนอาจเรียนรู้ที่บ้าน ที่ห้องสมุด หรือภายใต้สภาพแวดล้อมอื่นๆ ตามเวลาที่ตนเองต้องการ
- เทคโนโลยีสื่อมัลติมีเดีย สนับสนุนให้เราสามารถใช้สื่อมัลติมีเดียกับผู้เรียนได้ทุกระดับอายุและความรู้ หลักสำคัญอยู่ที่การออกแบบให้เหมาะสมกับผู้เรียนเท่านั้น
- สื่อมัลติมีเดียที่มีคุณภาพ นอกจากจะช่วยให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนของโรงเรียนหรือหน่วยงานแล้ว ความก้าวหน้าของระบบเครือข่ายยังช่วยเสริมให้การใช้สื่อมัลติมีเดียเป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาอื่นๆ อีกด้วย
1. ด้านการผลิต รูปแบบการผลิตสื่อมัลติมีเดีย โดยเฉพาะบทเรียน CAI จะมี 3 รูปแบบคือ โรงเรียนผลิตเองทั้งหมด โรงเรียนร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิต และบริษัทผู้ผลิตทำเองทั้งหมด ทั้ง 3 รูปแบบนี้อาจมีความแตกต่างกันบ้างในประเทศอื่นๆ ตรงที่ผลิตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งมากว่ากัน อย่างไรก็ตาม รูปแบบที่โรงเรียนผลิตเองก็มีความเป็นไปได้น้อย เพราะการลงทุนสูงและไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะการลงทุนด้านอุปกรณ์การผลิตบุคลากรหรือทีมงานผลิต อาจารย์ผู้เป็นเจ้าของเนื้อหาวิชา รวมทั้งลิขสิทธิ์โปรแกรมที่ใช้สร้างบทเรียน ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง การบริหารจัดการก็เป็นปัญหาปัญหาส่วนหนึ่ง การผลิตในลักษณะนี้อาจคุ้มค่าหากเป็นการร่วมมือกันผลิตในกลุ่มโรงเรียน ในเขตการศึกษา หรือโรงเรียนในสังกัดหน่วยงานเดียวกัน มีองค์กรหรือผู้รับผิดชอบชัดเจน มีแผนงานและนโยบายที่ต่อเนื่อง
2. ด้านการจัดหา รูปแบบการจัดหาสื่อมัลติมีเดีย โดยเฉพาะบทเรียน CAI คล้ายกับการจัดหาสื่อสิ่งพิมพ์เพื่อใช้ในห้องสมุดหรือชั้นเรียน ในการจัดหาสื่อสิ่งพิมพ์ไม่มีอะไรซับซ้อน ความสำคัญจะอยู่ที่สื่อที่มีให้เลือกและวิธีการเลือก หากมีจำนวนให้เลือกมากพอ และผู้เลือกได้มีโอกาสเปรียบเทียบคุณภาพกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้เป็นมาตรฐาน โอกาสที่จะได้สื่อที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมก็มีมาก การจัดหาสื่อมัลติมีเดียจะมีรูปแบบคล้ายกัน หากมีสื่อให้เลือกมากพอ มีแบบประเมินที่มีคุณภาพ และมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถในการตรวจสอบคุณภาพในทุกด้านก็น่าจะเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมานี้ยังมีปัญหาการปฏิบัติเกือบทุกด้าน ประการแรกคือ สื่อมัลติมีเดียยังมีไม่มากพอที่จะให้เลือกใช้ แม้ในระยะหลังหน่วยงานต่างๆ จะมีนโยบายสนับสนุนการผลิตหรือการจัดหาบทเรียนมาตลอด แต่การจะสร้างให้เกิดการแข่งขันทั้งด้านปริมาณและคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แบบประเมินยังมีไม่ค่อยแพร่หลายมากนัก อีกทั้งยังมีความหลากหลายทั้งรูปแบบและหัวข้อการประเมิน ขาดแคลนมากที่สุดน่าจะเป็นนักประเมินที่มีความรู้ความเข้าใจการประเมินคุณภาพสื่อมัลติมีเดีย ผู้ที่จะเป็นผู้ประเมินนี้ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรอบรู้ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีการสอน รู้เทคนิคการออกแบบ รู้รูปแบบของสื่อมัลติมีเดีย รู้ข้อจำกัดและข้อได้เปรียบ สามารถประเมินคุณภาพกับราคาเปรียบเทียบกันได้และแน่นอนว่าผู้ประเมินจะต้องมีความรู้พื้นฐานคอมพิวเตอร์ สามารถตรวจสอบการใช้งาน วิเคราะห์ความยากง่ายในการใช้งานของสื่อมัลติมีเดียที่ตนประเมินอยู่ได้ ซึ่งหาได้ไม่ง่ายนัก การแก้ไขปัญหาดังกล่าวนี้ คงใช้แนวคิดคล้ายกับการแก้ปัญหาการผลิตสื่อมัลติมีเดีย กล่าวคือ ควรมีการรวมตัวหรือจัดตั้งหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการประเมินสื่อมัลติมีเดียจนกว่าหน่วยงานย่อยหรือโรงเรียน จะมีความพร้อมด้านบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านการประเมินสื่อมัลติมีเดียเอง สำหรับหน่วยงานของรัฐ ควรเริ่มด้วยการประเมินโดยหน่วยงานส่วนกลาง แล้วกระจายการรับผิดชอบไปสู่หน่วยงานในระดับจังหวัด และกลุ่มโรงเรียนต่อไป อย่างไรก็ตาม ลักษณะของการกระจายความรับผิดชอบในการจัดหาสื่อมัลติมีเดียนี้ คงต้องมีการปรับระบบควบคู่กับการวางรูปแบบการจัดสรรงบประมาณด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
7.1.1 สร้างแรงจูงใจในการเรียน
7.1.2 ดึงดูดความสนใจผู้เรียน
7.1.3 ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และสามารถเข้าใจเนื้อหาได้เร็ว
7.1.4 ผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์และบทเรียน
7.1.5 ผู้เรียนมีความคงทนในการเรียนสูง เพราะได้ปฏิบัติกิจกรรมด้วย
ตนเอง
7.1.6 สามารถเรียนรู้ได้ตามความสนใจและความสามารถของตนเอง
7.1.7 เกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบ มี
การแก้ปัญหา และฝึกคิดอย่างมีเหตุผล
7.1.8 ลดเวลาในการเรียน
7.1.9 ลดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างโรงเรียนในเมืองและชนบท

http://student.nu.ac.th/captivate/train-media_forschool.htm
http://learners.in.th/blog/nun749/166795?class=yuimenuitemlabel